เลซิตินกับวิตามินอี ดีต่อหัวใจ
เลซิตินกับวิตามินอี ดีต่อหัวใจการกินอาหารที่ไม่ได้สัดส่วนตามหลักโภชนาการ
เป็นสาเหตุหลักของแนวโน้มที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมายโดยเฉพาะโรคหัวใจซึ่งมีสถิติจำนวนผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้นๆ
อันมีสาเหตุจากการกินอาหารที่มีไขมันเป็นจำนวนมาก เช่น
เนื้อสัตว์ที่มีไขมันแทรกอยู่มาก หรืออาหารจำพวกผัดและทอดต่างๆ เป็นต้น
ประกอบกับการดำเนินชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ
รวมทั้งความเครียดจากการทำงานและภาวะเศรษฐกิจบีบรัด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่ไขมันยังคงเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลและช่วยในการเผาผลาญไขมันจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะให้ร่างกายได้รับไขมันอย่างเพียงพอโดยที่ไม่ก่อให้เกิดความอ้วน
โรคหัวใจ หรือโรคภัยอื่นๆ ตามมา
“เลซิติน” คืออะไร
เลซิตินมีลักษณะเป็นสารอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) ที่ทำให้น้ำและน้ำมันละลายเข้ากันได้
จึงทำให้ไขมันแขวนลอยในน้ำได้ดีขึ้น นอกจากนี้
เลซิตินยังเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
และมักพบโมเลกุลของวิตามินบีรวมอยู่ด้วย เช่น โคลีน (Choline) อิโนซิทอล
(Inosital) รวมถึงกรดอะมิโนบางชนิด
ทำให้เลเซตินมีคุณค่าทางโภชนาการจากสารอาหารอื่นๆ ที่ประกอบอยู่นั่นเอง
แหล่งกำเนิดของเลซิตินมี 2 แหล่ง คือ
แหล่งธรรมชาติ พบได้ทั้งในพืชและสัตว์
โดยจะพบมากในไข่แดง สมอง หัวใจ ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี
เป็นต้น ส่วนใหญ่อาหารเหล่านี้มักจะให้โคเลสเตอรอลสูงด้วย
ร่างกายมนุษย์ สามารถผลิตเลซิตินขึ้นได้เองโดย
“ตับ” สารตั้งต้นที่ร่างกายใช้ผลิตเลซิติน เช่น กรดไขมันจำเป็น วิตามินบี
และสารอาหารสำคัญอื่นๆ หากร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ
เหล่านี้ไม่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเลซิตินได้ไม่เพียงพอ
ซึ่งมีโอกาสเกิดโรคภัยต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจแข็งตัว
โรคนิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น
คุณประโยชน์ของเลซิตินต่อสุขภาพด้านต่างๆ
เลซิตินกับการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
เนื่องจากการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นมาจากปัจจัยเสี่ยงของการมีระดับโคเลสเตอรอลและไตรกรีเซอไรด์ในกระแสเลือดสูง
บทบาทของเลซิตินที่มีต่อการลดอัตราความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดจึงอยู่ที่กลไกที่มีผลต่อโคเลสเตอรอล
ดังนี้
ลดการดูดซึมของโคเลสเตอรอลในทางเดินอาหาร
เพิ่มการสร้างน้ำดีจากโคเลสเตอรอล
เลซิตินจะมีผลต่อการดูดกลับน้ำดีในทางเดินอาหารให้ลดลง
จึงส่งผลให้ร่างกายเร่งการสร้างน้ำดีโดยดึงโคเลสเตอรอลในเลือดมาใช้เพิ่มขึ้น
ผลก็คือการขนส่งโคเลสเตอรอลจากเลือดไปสู่ตับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้
เลซิตินยังส่งผลต่อไตรกลีเซอไรด์ในกระบวนการเร่งการสลายอีกด้วย
การขนส่งโคเลสเตอรอลในเลือดสะดวกขึ้น
ทำให้ลดความเสี่ยงของโคเลสเตอรอลที่จะเกาะตามผนังหลอดเลือดได้
เลซิตินกับการลดความเสี่ยงของนิ่วในถุงน้ำดี
ในถุงน้ำดีจะมีน้ำดีอยู่
น้ำดีจำเป็นต่อการย่อยไขมันและนำสารอาหารที่สำคัญเข้าไปสู่กระแสเลือด
น้ำดีประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนคือ กรดน้ำดี เลซิติน และโคเลสเตอรอล
เลซิตินในน้ำดีจะทำหน้าที่ช่วยเผาผลาญไขมันและควบคุมโคเลสเตอรอล
โดยจะละลายไขมันให้แตกตัวเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้
น้ำดีจะต้องอาศัยเลซิตินช่วยทำให้โคเลสเตอรอลไม่ตกตะกอนในเลือด
หากปริมาณเลซิตินกับโคเลสเตอรอลไม่สัมพันธ์กันก็จะทำให้เกิดการก่อตัวและตกตะกอนของโคเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจนทำให้เกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
เลซิตินกับสมอง
องค์ประกอบของเยื่อบุผิวของเซลล์สมองและประสาท
รวมทั้งสารสื่อนำกระแสประสาท (neurotransmitter) ชื่อ “อะเซติลโคลีน”
ล้วนแล้วแต่มีเลซิตินเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะสารโคลีนในเลซิตินจัดเป็นส่วนประกอบของสารสื่อนำกระแสประสาท
ซึ่งทำให้เกิดการถ่ายทอดความรู้สึกหรือข้อความต่างๆ ผ่านเข้าไปในระบบประสาท
โดยอาศัยการเชื่อมกันระหว่างเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์
หรือจากเซลล์ประสาทสู่กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการถ่ายทอดด้านอารมณ์ ความจำ ความรู้สึก
การพูด การเคลื่อนไหว นอกจากนี้
เลซิตินยังอาจทำให้มีการเรียนรู้ดีขึ้นและมีความจำที่ดีรวมทั้งเป็นแหล่งพลังงานสำหรับผู้ที่มีความเครียดสูง
เนื่องจากสามารถเข้าสู่สมองได้โดยตรงทางกระแสเลือด
ทำให้เกิดการดึงเอาเลซิตินไปใช้ในขณะที่มีความเครียดสูงได้ทันที ดังนั้น
เลซิตินจึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีความเครียดสูง
คุณประโยชน์ของวิตามินอี
เป็นสารต้านการเกิดอนุมูลอิสระหรือสารแอนติออกซิแดนท์
ช่วยป้องกันเซลล์หรือเนื้อเยื่อในร่างกาย ไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลาย
จึงช่วยชะลอความร่วงโรยของผิวพรรณ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น
โรคมะเร็ง ต้อกระจก โรคหัวใจ เป็นต้น
ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
ส่งผลให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายได้ดีขึ้น
ช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัวและลดการเกิดลิ่มเลือด
วิตามินอีมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์
โดยอาจลดโอกาสของการเป็นหมัน
การกินอาหารที่ไม่ได้สัดส่วนตามหลักโภชนาการ
เป็นสาเหตุหลักของแนวโน้มที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมายโดยเฉพาะโรคหัวใจซึ่งมีสถิติจำนวนผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้นๆ
อันมีสาเหตุจากการกินอาหารที่มีไขมันเป็นจำนวนมาก เช่น
เนื้อสัตว์ที่มีไขมันแทรกอยู่มาก หรืออาหารจำพวกผัดและทอดต่างๆ เป็นต้น
ประกอบกับการดำเนินชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ
รวมทั้งความเครียดจากการทำงานและภาวะเศรษฐกิจบีบรัด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่ไขมันยังคงเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลและช่วยในการเผาผลาญไขมันจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะให้ร่างกายได้รับไขมันอย่างเพียงพอโดยที่ไม่ก่อให้เกิดความอ้วน
โรคหัวใจ หรือโรคภัยอื่นๆ ตามมา
“เลซิติน” คืออะไร
เลซิตินมีลักษณะเป็นสารอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) ที่ทำให้น้ำและน้ำมันละลายเข้ากันได้
จึงทำให้ไขมันแขวนลอยในน้ำได้ดีขึ้น นอกจากนี้
เลซิตินยังเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
และมักพบโมเลกุลของวิตามินบีรวมอยู่ด้วย เช่น โคลีน (Choline) อิโนซิทอล
(Inosital) รวมถึงกรดอะมิโนบางชนิด
ทำให้เลเซตินมีคุณค่าทางโภชนาการจากสารอาหารอื่นๆ ที่ประกอบอยู่นั่นเอง
แหล่งกำเนิดของเลซิตินมี 2 แหล่ง คือ
แหล่งธรรมชาติ พบได้ทั้งในพืชและสัตว์
โดยจะพบมากในไข่แดง สมอง หัวใจ ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี
เป็นต้น ส่วนใหญ่อาหารเหล่านี้มักจะให้โคเลสเตอรอลสูงด้วย
ร่างกายมนุษย์ สามารถผลิตเลซิตินขึ้นได้เองโดย
“ตับ” สารตั้งต้นที่ร่างกายใช้ผลิตเลซิติน เช่น กรดไขมันจำเป็น วิตามินบี
และสารอาหารสำคัญอื่นๆ หากร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ
เหล่านี้ไม่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเลซิตินได้ไม่เพียงพอ
ซึ่งมีโอกาสเกิดโรคภัยต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจแข็งตัว
โรคนิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น
คุณประโยชน์ของเลซิตินต่อสุขภาพด้านต่างๆ
เลซิตินกับการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
เนื่องจากการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นมาจากปัจจัยเสี่ยงของการมีระดับโคเลสเตอรอลและไตรกรีเซอไรด์ในกระแสเลือดสูง
บทบาทของเลซิตินที่มีต่อการลดอัตราความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดจึงอยู่ที่กลไกที่มีผลต่อโคเลสเตอรอล
ดังนี้
ลดการดูดซึมของโคเลสเตอรอลในทางเดินอาหาร
เพิ่มการสร้างน้ำดีจากโคเลสเตอรอล
เลซิตินจะมีผลต่อการดูดกลับน้ำดีในทางเดินอาหารให้ลดลง
จึงส่งผลให้ร่างกายเร่งการสร้างน้ำดีโดยดึงโคเลสเตอรอลในเลือดมาใช้เพิ่มขึ้น
ผลก็คือการขนส่งโคเลสเตอรอลจากเลือดไปสู่ตับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้
เลซิตินยังส่งผลต่อไตรกลีเซอไรด์ในกระบวนการเร่งการสลายอีกด้วย
การขนส่งโคเลสเตอรอลในเลือดสะดวกขึ้น
ทำให้ลดความเสี่ยงของโคเลสเตอรอลที่จะเกาะตามผนังหลอดเลือดได้
เลซิตินกับการลดความเสี่ยงของนิ่วในถุงน้ำดี
ในถุงน้ำดีจะมีน้ำดีอยู่
น้ำดีจำเป็นต่อการย่อยไขมันและนำสารอาหารที่สำคัญเข้าไปสู่กระแสเลือด
น้ำดีประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนคือ กรดน้ำดี เลซิติน และโคเลสเตอรอล
เลซิตินในน้ำดีจะทำหน้าที่ช่วยเผาผลาญไขมันและควบคุมโคเลสเตอรอล
โดยจะละลายไขมันให้แตกตัวเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้
น้ำดีจะต้องอาศัยเลซิตินช่วยทำให้โคเลสเตอรอลไม่ตกตะกอนในเลือด
หากปริมาณเลซิตินกับโคเลสเตอรอลไม่สัมพันธ์กันก็จะทำให้เกิดการก่อตัวและตกตะกอนของโคเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจนทำให้เกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
เลซิตินกับสมอง
องค์ประกอบของเยื่อบุผิวของเซลล์สมองและประสาท
รวมทั้งสารสื่อนำกระแสประสาท (neurotransmitter) ชื่อ “อะเซติลโคลีน”
ล้วนแล้วแต่มีเลซิตินเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะสารโคลีนในเลซิตินจัดเป็นส่วนประกอบของสารสื่อนำกระแสประสาท
ซึ่งทำให้เกิดการถ่ายทอดความรู้สึกหรือข้อความต่างๆ ผ่านเข้าไปในระบบประสาท
โดยอาศัยการเชื่อมกันระหว่างเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์
หรือจากเซลล์ประสาทสู่กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการถ่ายทอดด้านอารมณ์ ความจำ ความรู้สึก
การพูด การเคลื่อนไหว นอกจากนี้
เลซิตินยังอาจทำให้มีการเรียนรู้ดีขึ้นและมีความจำที่ดีรวมทั้งเป็นแหล่งพลังงานสำหรับผู้ที่มีความเครียดสูง
เนื่องจากสามารถเข้าสู่สมองได้โดยตรงทางกระแสเลือด
ทำให้เกิดการดึงเอาเลซิตินไปใช้ในขณะที่มีความเครียดสูงได้ทันที ดังนั้น
เลซิตินจึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีความเครียดสูง
คุณประโยชน์ของวิตามินอี
เป็นสารต้านการเกิดอนุมูลอิสระหรือสารแอนติออกซิแดนท์
ช่วยป้องกันเซลล์หรือเนื้อเยื่อในร่างกาย ไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลาย
จึงช่วยชะลอความร่วงโรยของผิวพรรณ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น
โรคมะเร็ง ต้อกระจก โรคหัวใจ เป็นต้น
ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
ส่งผลให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายได้ดีขึ้น
ช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัวและลดการเกิดลิ่มเลือด
วิตามินอีมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์
โดยอาจลดโอกาสของการเป็นหมัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น