น้ำมันปลากับการชะลอวัย (ANTI-AGING)
น้ำมันปลากับการชะลอวัย (ANTI-AGING)น้ำมันปลากับการชะลอวัย (ANTI-AGING)
การดำรงชีวิตอย่างปราศจากโรคภัยเป็นความต้องการสูงสุดของมนุษย์
แต่ผู้คนต้องการมากกว่านั้น...นั่นก็คือการมีชีวิตอย่างยืนยาวเพื่ออยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด
การชะลอความชราภาพและยืดอายุขัยจึงเป็นศาสตร์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง
ปัจจุบันได้ค้นพบว่ามีสารอาหารที่มีผลในการช่วยชะลอวัยและยืดอายุขัยได้ นั่นก็คือ
น้ำมันปลา ซึ่งอุดมด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่ม “โอเมก้า-3”
น้ำมันปลาคือสารอาหารกลุ่มไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งสกัดได้จากส่วนต่าง ๆ (ยกเว้นจากตับ)
ของปลาทะเลบางชนิด สารสำคัญในน้ำมันปลาที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ
กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่ม “โอเมก้า-3” น้ำมันปลาที่มีสภาพเป็นน้ำมันบริสุทธิ์หรือเป็นไตรกลีเซอไรด์บริสุทธิ์จะมีองค์ประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกลุ่มโอเมก้า-3
ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณกรดไขมันทั้งหมด
กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันหลัก 2
ตัว คือ “ดีเอชเอ” (DHA) และ “อีพีเอ” (EPA) ซึ่งส่งผลต่อกลไกการทำปฏิกิริยาระดับเมแทบอลิซึมที่เกี่ยวพันกับดีเอ็นเอ
บทบาทของกรดไขมันโอเมก้า-3
ที่มีต่อกลไกการยืดอายุขัยและชะลอความชราสามารถแบ่งออกเป็น 3
ส่วน คือ
1. ต้านการอักเสบ (ANTI-INFLAMMATORY)
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น
ภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมถอยลง นำไปสู่การเกิดภาวะอักเสบในเซลล์และอวัยวะต่างๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะอักเสบ ภูมิต้านทาน
และความชราภาพเช่นนี้เองทำให้เกิดคำใหม่เรียกว่า Inflammaging ซึ่งหมายถึงภาวะอักเสบจากความเสื่อมถอยของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากความชราภาพ
นำไปสู่การสิ้นอายุขัยของเซลล์
จึงกล่าวได้ว่าความชราภาพคือภาวะอักเสบเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั่นเอง
การลดภาวะอักเสบจึงเป็นกลไกสำคัญในการยืดอายุขัยและลดความชราภาพ
มีข้อมูลวิจัยยืนยันว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 จากปลา ทั้งชนิด EPA และ
DHA สามารถลดภาวะอักเสบในเซลล์ผ่านกลไกการเพิ่มสารต้านอาการอักเสบ
(Anti-inflammation) ที่สำคัญๆ หลายชนิด จึงส่งผลให้ความชราภาพถูกชะลอให้ช้าลงได้
2. เติมอารมณ์เบิกบาน (GOOD MIND)
กรดไขมันโอเมก้า-3
ได้รับสมญานามอย่างไม่เป็นทางการว่า Happy fat หรือไขมันก่อสุข
เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 ทั้งชนิด EPA และ
DHA สามารถออกฤทธิ์ลดภาวะซึมเศร้าได้
โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางตัวที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารกึ่งฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในสมอง
การลดลงของสารเซโรโทนินก่อปัญหาในผู้ป่วยทางสมองหลายกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยสมาธิสั้น (ADHD,
Attention Deficit Hyperactivity Disorder) ไบโพลาร์ จิตเภท
และผู้ป่วยทางอารมณ์บางกลุ่ม เช่น ภาวะซึมเศร้า ดังนั้น
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าอันเป็นผลจากการขาดสารเซโรโทนิน
นั่นคือการได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปริมาณไม่เพียงพอนั่นเอง ที่สำคัญ
ภาวะซึมเศร้าตลอดจนโรคทางสมองอื่นๆ ยังเร่งความชราภาพให้เกิดมากขึ้นด้วย
3. ต่ออายุขัยให้เทโลเมียร์ (ELONGATED
TELOMERE)
เทโลเมียร์คือดีเอ็นเอที่อยู่ส่วนปลายสุดของโครโมโซมแต่ละแท่ง
ทำหน้าที่สำคัญคือกำหนดอายุขัยของเซลล์ ทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว
เทโลเมียร์จะสั้นลง ด้วยเหตุนี้เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่วัยชรา
เทโลเมียร์ที่ผ่านการแบ่งตัวหลายครั้งจึงสั้นลงจนไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก
เป็นผลให้อายุขัยจบสิ้นลง
ความยาวของเทโลเมียร์จึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสื่อมสภาพของเซลล์
การยืดอายุขัยอาจทำได้โดยทำให้เทโลเมียร์ยาวขึ้น
หรือโดยชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่เข้าใจกลไกนี้ดีนัก
แต่ก็รู้ว่ากรดไขมันโอเมก้า-3
ออกฤทธิ์ช่วยชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ได้
นอกเหนือจากน้ำมันปลาที่มีสารที่ให้ผลดีต่อการชะลอความชราภาพและยืดอายุขัยผ่านกลไกต่างๆ
แล้ว ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยและชะลอความชราดังนี้
สารสกัดจากกระเทียม (GARLIC EXTRACT)
สารไฟโตนิวเทรียนท์สำคัญในกระเทียม ได้แก่ S-1-Propenyl-l-cysteine
(S1PC) และ S-Allyl-L-cysteine (SAC) สาร
2 ชนิดนี้สามารถพบได้ในกระเทียมดิบในปริมาณต่ำ
มีเพียงวิธีบ่มสกัดเท่านั้นจึงจะทำให้ได้ปริมาณสารที่มากพอที่จะช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน
ลดความดันโลหิต และมีผลในการชะลอวัยได้ นอกจากนี้
สารสกัดจากกระเทียมยังช่วยเสริมการทำหน้างานของสมองและเซลล์ประสาท
จึงช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์และโรคทางระบบประสาทอื่นที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
โคเอนไซม์คิว 10 (COQ10)
การพัฒนาการด้านเวชศาสตร์ไมโตคอนเดรีย (Mitochondrial
medicine) โดยพบว่าไมโตคอนเดรียเป็นอวัยวะย่อยภายในเซลล์ที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายพลังงานให้กับเซลล์
กลไกการสลายพลังงานในไมโตคอนเดรียทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันขึ้น
และหากควบคุมได้ไม่ดีอนุมูลอิสระที่เกิดจากปฏิกิริยาต่างๆ
ในไมโตคอนเดรียอาจหลุดออกมา นำไปสู่การเร่งความชราภาพและลดอายุขัยของเซลล์ได้
ดังนั้น นักโภชนาการยุคใหม่จึงให้ความสำคัญกับโคเอนไซม์คิว 10
มากขึ้นโดยเชื่อว่าสามารถลดความบกพร่องของไมโตคอนเดรียซึ่งนำไปสู่การชะลอความชราภาพลงได้
วิตามินซี (VITAMIN C)
วิตามินซีเป็นสารเกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรม
จึงช่วยป้องกันโรคที่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมได้ เช่น อัลไซเมอร์
และโรคทางระบบประสาทและสมองอื่นๆ
ความเข้าใจที่มากขึ้นต่อวิตามินตัวนี้อาจนำไปสู่วิทยาการใหม่ที่ช่วยค้นพบวิธีการชะลอการลดความยาวของเทโลเมียร์
รวมถึงวิทยาการทางด้าน Inflammaging และอื่นๆ
ข้อควรระวังในการใช้วิตามินซีคืออย่าให้ปริมาณมากเกินไปจนกระทั่งสร้างปัญหาออกซิเดชัน
แทนที่จะต้านออกซิเดชัน
น้ำมันปลากับการชะลอวัย (ANTI-AGING)
การดำรงชีวิตอย่างปราศจากโรคภัยเป็นความต้องการสูงสุดของมนุษย์
แต่ผู้คนต้องการมากกว่านั้น...นั่นก็คือการมีชีวิตอย่างยืนยาวเพื่ออยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด
การชะลอความชราภาพและยืดอายุขัยจึงเป็นศาสตร์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง
ปัจจุบันได้ค้นพบว่ามีสารอาหารที่มีผลในการช่วยชะลอวัยและยืดอายุขัยได้ นั่นก็คือ
น้ำมันปลา ซึ่งอุดมด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่ม “โอเมก้า-3”
น้ำมันปลาคือสารอาหารกลุ่มไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งสกัดได้จากส่วนต่าง ๆ (ยกเว้นจากตับ)
ของปลาทะเลบางชนิด สารสำคัญในน้ำมันปลาที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ
กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่ม “โอเมก้า-3” น้ำมันปลาที่มีสภาพเป็นน้ำมันบริสุทธิ์หรือเป็นไตรกลีเซอไรด์บริสุทธิ์จะมีองค์ประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกลุ่มโอเมก้า-3
ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณกรดไขมันทั้งหมด
กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันหลัก 2
ตัว คือ “ดีเอชเอ” (DHA) และ “อีพีเอ” (EPA) ซึ่งส่งผลต่อกลไกการทำปฏิกิริยาระดับเมแทบอลิซึมที่เกี่ยวพันกับดีเอ็นเอ
บทบาทของกรดไขมันโอเมก้า-3
ที่มีต่อกลไกการยืดอายุขัยและชะลอความชราสามารถแบ่งออกเป็น 3
ส่วน คือ
1. ต้านการอักเสบ (ANTI-INFLAMMATORY)
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น
ภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมถอยลง นำไปสู่การเกิดภาวะอักเสบในเซลล์และอวัยวะต่างๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะอักเสบ ภูมิต้านทาน
และความชราภาพเช่นนี้เองทำให้เกิดคำใหม่เรียกว่า Inflammaging ซึ่งหมายถึงภาวะอักเสบจากความเสื่อมถอยของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากความชราภาพ
นำไปสู่การสิ้นอายุขัยของเซลล์
จึงกล่าวได้ว่าความชราภาพคือภาวะอักเสบเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั่นเอง
การลดภาวะอักเสบจึงเป็นกลไกสำคัญในการยืดอายุขัยและลดความชราภาพ
มีข้อมูลวิจัยยืนยันว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 จากปลา ทั้งชนิด EPA และ
DHA สามารถลดภาวะอักเสบในเซลล์ผ่านกลไกการเพิ่มสารต้านอาการอักเสบ
(Anti-inflammation) ที่สำคัญๆ หลายชนิด จึงส่งผลให้ความชราภาพถูกชะลอให้ช้าลงได้
2. เติมอารมณ์เบิกบาน (GOOD MIND)
กรดไขมันโอเมก้า-3
ได้รับสมญานามอย่างไม่เป็นทางการว่า Happy fat หรือไขมันก่อสุข
เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 ทั้งชนิด EPA และ
DHA สามารถออกฤทธิ์ลดภาวะซึมเศร้าได้
โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางตัวที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารกึ่งฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในสมอง
การลดลงของสารเซโรโทนินก่อปัญหาในผู้ป่วยทางสมองหลายกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยสมาธิสั้น (ADHD,
Attention Deficit Hyperactivity Disorder) ไบโพลาร์ จิตเภท
และผู้ป่วยทางอารมณ์บางกลุ่ม เช่น ภาวะซึมเศร้า ดังนั้น
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าอันเป็นผลจากการขาดสารเซโรโทนิน
นั่นคือการได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปริมาณไม่เพียงพอนั่นเอง ที่สำคัญ
ภาวะซึมเศร้าตลอดจนโรคทางสมองอื่นๆ ยังเร่งความชราภาพให้เกิดมากขึ้นด้วย
3. ต่ออายุขัยให้เทโลเมียร์ (ELONGATED
TELOMERE)
เทโลเมียร์คือดีเอ็นเอที่อยู่ส่วนปลายสุดของโครโมโซมแต่ละแท่ง
ทำหน้าที่สำคัญคือกำหนดอายุขัยของเซลล์ ทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว
เทโลเมียร์จะสั้นลง ด้วยเหตุนี้เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่วัยชรา
เทโลเมียร์ที่ผ่านการแบ่งตัวหลายครั้งจึงสั้นลงจนไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก
เป็นผลให้อายุขัยจบสิ้นลง
ความยาวของเทโลเมียร์จึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสื่อมสภาพของเซลล์
การยืดอายุขัยอาจทำได้โดยทำให้เทโลเมียร์ยาวขึ้น
หรือโดยชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่เข้าใจกลไกนี้ดีนัก
แต่ก็รู้ว่ากรดไขมันโอเมก้า-3
ออกฤทธิ์ช่วยชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ได้
นอกเหนือจากน้ำมันปลาที่มีสารที่ให้ผลดีต่อการชะลอความชราภาพและยืดอายุขัยผ่านกลไกต่างๆ
แล้ว ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยและชะลอความชราดังนี้
สารสกัดจากกระเทียม (GARLIC EXTRACT)
สารไฟโตนิวเทรียนท์สำคัญในกระเทียม ได้แก่ S-1-Propenyl-l-cysteine
(S1PC) และ S-Allyl-L-cysteine (SAC) สาร
2 ชนิดนี้สามารถพบได้ในกระเทียมดิบในปริมาณต่ำ
มีเพียงวิธีบ่มสกัดเท่านั้นจึงจะทำให้ได้ปริมาณสารที่มากพอที่จะช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน
ลดความดันโลหิต และมีผลในการชะลอวัยได้ นอกจากนี้
สารสกัดจากกระเทียมยังช่วยเสริมการทำหน้างานของสมองและเซลล์ประสาท
จึงช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์และโรคทางระบบประสาทอื่นที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
โคเอนไซม์คิว 10 (COQ10)
การพัฒนาการด้านเวชศาสตร์ไมโตคอนเดรีย (Mitochondrial
medicine) โดยพบว่าไมโตคอนเดรียเป็นอวัยวะย่อยภายในเซลล์ที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายพลังงานให้กับเซลล์
กลไกการสลายพลังงานในไมโตคอนเดรียทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันขึ้น
และหากควบคุมได้ไม่ดีอนุมูลอิสระที่เกิดจากปฏิกิริยาต่างๆ
ในไมโตคอนเดรียอาจหลุดออกมา นำไปสู่การเร่งความชราภาพและลดอายุขัยของเซลล์ได้
ดังนั้น นักโภชนาการยุคใหม่จึงให้ความสำคัญกับโคเอนไซม์คิว 10
มากขึ้นโดยเชื่อว่าสามารถลดความบกพร่องของไมโตคอนเดรียซึ่งนำไปสู่การชะลอความชราภาพลงได้
วิตามินซี (VITAMIN C)
วิตามินซีเป็นสารเกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรม
จึงช่วยป้องกันโรคที่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมได้ เช่น อัลไซเมอร์
และโรคทางระบบประสาทและสมองอื่นๆ
ความเข้าใจที่มากขึ้นต่อวิตามินตัวนี้อาจนำไปสู่วิทยาการใหม่ที่ช่วยค้นพบวิธีการชะลอการลดความยาวของเทโลเมียร์
รวมถึงวิทยาการทางด้าน Inflammaging และอื่นๆ
ข้อควรระวังในการใช้วิตามินซีคืออย่าให้ปริมาณมากเกินไปจนกระทั่งสร้างปัญหาออกซิเดชัน
แทนที่จะต้านออกซิเดชัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น